ปริศนาของโมนาลิซ่า
| |||
♥ 10 เรื่องแปลกวันวาเลนไทน์ ♥
เรื่องที่ 1: จดหมายถึงจูเลียต
เชื่อไหมว่า ทุกวันวาเลนไทน์ของทุกปี เมือง "เวโรนา" ซึ่งเป็นเมืองของโรมิโอกับจูเลียต จะได้รับจดหมายกว่า 1 พันฉบับ จ่าหน้าซองถึงจูเลียต!
ถ้า ใครเคยดูหนังเรื่อง Letters to Juliet ก็จะพอนึกภาพกันออก ที่ผู้หญิงนิยมส่งจดหมายรักไปที่บ้านของจูเลียตเพื่อปรึกษาปัญหารัก และขอพรให้รักของพวกเขาสมหวัง (โรแมนติกจริง อะไรจริง แต่ถ้าส่งจากเมืองไทยไป ค่าส่งน่าจะบานตะไทอยู่ = = ขออภัยหากความเห็นพี่อิงทำให้คนอ่านหมดมู้ด)
(ภาพกำแพงในบ้านของจูเลียต ที่คู่รักจะนำกระดาษเขียนข้อความหวานๆ มาติดไว้)
เรื่องที่ 2: ของขวัญวาเลนไทน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
รู้ไหมว่าอะไรคือของขวัญวาเลนไทน์ที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดเท่าที่โลกเคยมี...
เฉลย "ทัชมาฮาลไง" ของขวัญชิ้นนี้สร้างโดยพระราชาชาห์จาฮาน เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานตัวแทนความรักอันเป็นนิรันดร์ ที่พระองค์มีต่อพระมเหสี
ทัช มาฮาลเริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1634 และใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 22 ปี ใช้แรงงานคนทั้งหมดสองหมื่นคนจากทั่วทั้งอินเดียและประเทศแถบนั้น (เป็นความ รักที่ซึ้งสะเทือนใจมากๆ พี่อิงแนะนำให้น้องๆ ไปหาเกร็ดความรู้เรื่องนี้เพิ่มเติมนะจ๊ะ มีสอบด้วยนี่)
เรื่องที่ 3: คนที่ได้รับการ์ดวาเลนไทน์มากที่สุด
ลองเดากันดูว่า ใครจะได้รับการ์ดวาเลนไทน์มากที่สุด...
คุณครูนั่นเอง! ช็อกไหม...มีคนส่งการ์ดวาเลนไทน์หาครูจริงๆ รึ
ลำดับรองลงมาคือ บรรดาลูกที่ได้จากคุณพ่อคุณแม่, คุณแม่, ภรรยา, แฟน และสัตว์เลี้ยง...
(พี่อิงชวนให้น้องๆ ลองนึกถึงคุณครูฝ่ายปกครองที่ดุที่สุดในโรงเรียน แล้วลองจับกลุ่มส่งการ์ดวาเลนไทน์ไปให้ท่านกันดีไหม จะได้มีเรื่องน่ารักๆ ในวันวาเลนไทน์)
เรื่องที่ 4: ความเชื่อวันวาเลนไทน์
เชื่อกันว่า ในวันวาเลนไทน์ ชื่อผู้ชายที่น้องๆ ผู้หญิง ได้ยินเป็นครั้งแรกของวัน ไม่ว่าจะอ่านจากหนังสือพิมพ์ หรือได้ยินจากวิทยุ โทรทัศน์ จะเป็นชื่อของผู้ชายที่น้องจะแต่งงานด้วยในอนาคต
(โอเค ก่อนวันวาเลนไทน์ พี่อิงจะเอาชื่อพร้อมใบหน้าของ โรเบิร์ต แพททินสัน ไปแปะเพดาน เหอๆ)
เรื่องที่ 5: ความเชื่อเรื่องนก
ในยุคสมัยโบราณเลย เชื่อกันว่า ถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนกโรบินบินผ่านศีรษะตัวเองในวันวาเลนไทน์ ก็จะได้แต่งงานกับทหารเรือ
และ ถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนกกระจอก จะได้แต่งงานกับคนจนแต่มีความสุขตลอดชีวิตการแต่งงาน หรือถ้าได้เห็นนกโกลฟินช์ ก็จะได้แต่งงานกับเศรษฐี!
(แล้วถ้าได้เห็นนกกระจอกเทศล่ะ = =;)
เรื่องที่ 6: ช้อนแห่งความรัก
ในประเทศเวลส์ ผู้คนสมัยก่อนนิยมให้ช้อนแห่งความรักแก่คนรัก ซึ่งเป็นช้อนไม้ที่แกะสลักลวดลายซับซ้อนแปลกตา
(สวยนะ...แต่ อืม...คนรับน่าจะกลัวมากว่าจะซึ้ง ก็หน้าตามันอย่างกับเครื่องรางกันผี)
เรื่องที่ 7: รายจ่าย!
โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ชายจะใช้เงินประมาณ 5 พันบาทสำหรับวันวาเลนไทน์ เพื่อให้เป็นค่ำคืนที่พิเศษสุดสำหรับผู้หญิงที่เขารัก
(ใครได้ช็อคโกแลตขายในเซเว่นแท่งเดียวจากแฟนยกมือขึ้น! แถมแอบกัดไปแล้ว 1 คำ)
เรื่องที่ 8: วันวาเลนไทน์เมื่อ 700 ปีที่แล้ว
ผู้ เชึ่ยวชาญเชื่อว่า วันวาเลนไทน์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความโรแมนติกเลยสักนิด จนกระทั่งราวๆ ศตวรรษที่ 14 ก่อนหน้านี้วันวาเลนไทน์มีไว้สำหรับพิธีทางศาสนาและสวดมนต์ เพื่อนักบุญวาเลนไทน์
เรื่องที่ 9: วันวาเลนไทน์โดนแบน!
บาง ศาสนาและในบางประเทศ แบนวันวาเลนไทน์! เพราะพวกเขาเชื่อว่า มันกระตุ้นให้เกิดความลุ่มหลงราคะ โดยในปี 2002 และ 2008 ประเทศซาอุดิอาระเบีย แบนวันวาเลนไทน์แหละ
เรื่องที่ 10: ประเทศที่มีวันวาเลนไทน์เยอะที่สุดในโลก
ประเทศเกาหลีใต้!
รู้ไหมว่า เกาหลีใต้มีวันแห่งความรักทุกเดือน! แต่วันแห่งความรักที่สำคัญที่สุดอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน
ใน เดือนกุมภาพันธ์ ผู้หญิงจะให้ขนมหวานกับผู้ชาย ส่วนในเดือนมีนาคม ผู้ชายจะให้ของตอบแทน แต่ของขวัญนั้นจะไม่ใช่ขนมหรือช็อคโกแลต และเดือนเมษายน จะมีวันที่เรียว่า "Black Day" หรือ "วันสีดำ" สำหรับคนที่โดดเดี่ยวไร้เงาแฟน ไม่ได้ของขวัญจากใคร จะมารวมตัวกินจาจังมยอน (บะหมี่ราดซอสดำ) ที่ร้านอาหารกัน
เป็น ไงบ้าง มีใครรู้ครบทุกข้อไหม พี่อิงพนันเลยว่าไม่มี อิอิ...ส่วนใครที่ไม่ได้รับของขวัญวาเลนไทน์ก็อย่าเศร้าใจไปนะ ซื้อของขวัญให้พ่อแม่กันเลย แล้วแนบการ์ดว่า อยากได้ของขวัญบ้าง อะไรบ้าง รับรองว่าวันต่อมา จะได้ของขวัญถูกใจมาวางตรงหน้าแน่นอน!
อย่าลืมว่า คนที่รักเราที่สุดในโลกนี้ ก็คือพ่อแม่ของเรานะคะ
รักของพ่อแม่ ทั้งรักแท้ และ รักยั่งยืน
| |||
|
เรามาดูการมองโลกในแง่ดีกันดีกว่า
นิสัยไม่ดีชอบจ้องจับผิดคนอื่น >> มิน่าถึงไม่มีเพื่อนที่ดีเหลือเลยสักคน จับผิดตัวเองดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะเลย
ติดเกมงอมแงมเสียการเรียน แต่เลิกไม่ได้ >> พูดท้าทายตัวเอง เช่น "เล่นเกมสนุก แต่ไม่มีสาระ เสียเวลาไปเปล่าๆ ไหนเก่งจริง ลองทำงานหรือเรียนให้สนุกเหมือนเกม ทำได้หรือเปล่า"
ทำสิ่งที่ไม่ดีบางอย่าง >> รู้สึกกังวลและเครียดมากหายใจไม่ทั่วท้องเลย หายใจเข้าออกลึกๆ ให้สุดปอดตลอดทั้งวัน และบอกกับตัวเองว่า "ถ้ามันไม่ร้ายแรงถึงกับตาย เราก็ไม่ต้องไปกลัวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรารับได้อยู่แล้ว เราแก้ไขปรับปรุงตัวเองได้ สบายมาก"
ทำไมโรงเรียนต้องบังคับนักเรียนชายให้ตัดผมด้วย หมดหล่อเลยเรา เผด็จการชัดๆ >> ลดความหล่อบ้างสักนิดก็ดีนะสาวๆ จะได้ไม่กวน ขอบคุณครับคุณครู ที่ช่วยให้ผมได้เรียนหนังสือเต็มที่กับเขาสักที
เจอพวกชอบโทร(สาธารณะ)นานแทบจะกางมุ้งนอนรอ >> ถ้าไม่กล้าเคาะเตือน ขณะที่เรายืนรอ ลองฝึกสังเกต คนพวกนี้เล่นๆ ก็ได้ สนุกดีนะ เช่น"เจ้าหมอนี่ นุ่งกางเกงยีนส์ปะๆ แต่ว่าซักสะอาด แสดงว่าชอบโชว์ความเก๋า แต่เล็บมือด๊ำดำ ว๊า! หมดท่าเลย สังเกตดูเสื้อสก๊อตสีน้ำเงิน ดูดีๆ ตะเข็บเย็บไม่ประณีต สงสัยจะเป็นเสื้อโหล ชอบยืนพิงตู้โทรคุยแบบนี้ น่าจะเป็นคนขี้เกียจนะ นั่นๆ มีสมุดเรียนเหน็บที่กระเป๋าหลัง อ๋อ! เรียนอยู่สถาบันนี้เอง เป็นต้น
เป็นคนขึ้อายมากเวลาคุยกับใครจะม้วนไปม้วนมา >> เป็นเฉพาะเวลาคุยกับหนุ่มๆ ใช่ไหม ให้คิดว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของเรา แม่รู้สึกยังไงกับลูกล่ะ เอ็นดูใช่ไหม สงสารใช่ไหม ให้มีเมตตากรุณาต่อผู้ชายทุกคนที่คุยด้วย แต่ไม่หวั่นไหวกับใครง่ายๆ ความอายจะหายไป
มีคนใส่ร้ายทำให้เราโกรธมากจนนอนไม่หลับ >> เขาทำความชั่วเขาก็จะได้ผลชั่วของเขาเอง เรามามัวนอนโกรธ จนนอนไม่หลับ อย่างนี้ก็สมใจเขาสิ เปลี่ยนไม่ถือสาหาความ เมตตาเอ็นดูเขาดีกว่านอนหลับสบาย แถมฝันดีอีกต่างหาก
ครูสอนน่าเบื่อโดดเรียนดีกว่าเรา >> โดดเรียน ได้ผ่อนคลาย มีเสรี จะไปไหนก็ได้ มันก็ดีเหมือนกันนะ แต่ทว่ามันเป็นการหนีปัญหา เพราะอีกหน่อยเราก็คงต้องหนีเรื่อยไป หนีหน้าคน หนีการงาน หนีความรับผิดชอบ ขืนเป็นอย่างนี้ อนาคตของเราคงจะไปไม่รอดแน่ๆ สู้เลย! จะไปกลัวอะไร ถ้าครูสอนน่าเบื่อ เราก็เรียนให้มันน่าสนุกสิ ง่ายจะตายไป เรื่องอะไรจะหนีเรียนให้เสียชื่อ เราสู้วันนี้ เพื่อวันข้างหน้าสบาย
ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับทำไมผู้ใหญ่ชอบบังคับกันเรื่อย >> ถ้าไม่อยากให้รู้สึกว่ามีคนมาบังคับ ก็ต้องทำอะไรด้วยเหตุผลของตัวเอง เช่น แม่สั่งให้เก็บที่นอนทุกเช้า เราก็คิดว่า "ที่เราทำไม่ใช่เพราะกลัวแม่ด่า แต่เพราะเห็นว่ามันเป็นระเบียบเรียบร้อยดีต่างหาก" , พ่อบังคับไม่ให้เราไปเที่ยวไหนในวันหยุด เราก็คิดว่า “ที่เราไม่ไปไหน ไม่ใช่เพราะกลัวพ่อดุ แต่เพราะเราต้องการจะฝึกตัวเองให้เข้มแข็งต่างหาก" ฯลฯ
เป็นโรคหัวใจเข้าใกล้คนหล่อๆ ทีไรหวั่นไหวทุกที >> เวลาเข้าใกล้คนหล่อ ให้นึกถึงอะไรที่น่าเกลียดภายในตัวของเขาสิ เช่น ขนจมูกของเขา ขี้หู ขี้ตา รังแค ฯลฯ คิดอย่างนี้ เดี๋ยวก็หายหวั่นไหวไปเอง ไม่เชื่อก็ลองดูสิ
เพื่อนๆ ในห้องมีแฟนกันหมดแล้วมีเหลือแต่เรา "เหงา" อยู่คนเดียว >> คิดมุมกลับ "เพื่อนๆ ในห้องหาเรื่องไปร้อนรนทุรนทุรายกันหมดแล้ว เหลือแต่เราอยู่เย็นเป็นสุขอยู่คนเดียว เย้!"
ติดเกมงอมแงมเสียการเรียน แต่เลิกไม่ได้ >> พูดท้าทายตัวเอง เช่น "เล่นเกมสนุก แต่ไม่มีสาระ เสียเวลาไปเปล่าๆ ไหนเก่งจริง ลองทำงานหรือเรียนให้สนุกเหมือนเกม ทำได้หรือเปล่า"
ทำสิ่งที่ไม่ดีบางอย่าง >> รู้สึกกังวลและเครียดมากหายใจไม่ทั่วท้องเลย หายใจเข้าออกลึกๆ ให้สุดปอดตลอดทั้งวัน และบอกกับตัวเองว่า "ถ้ามันไม่ร้ายแรงถึงกับตาย เราก็ไม่ต้องไปกลัวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรารับได้อยู่แล้ว เราแก้ไขปรับปรุงตัวเองได้ สบายมาก"
ทำไมโรงเรียนต้องบังคับนักเรียนชายให้ตัดผมด้วย หมดหล่อเลยเรา เผด็จการชัดๆ >> ลดความหล่อบ้างสักนิดก็ดีนะสาวๆ จะได้ไม่กวน ขอบคุณครับคุณครู ที่ช่วยให้ผมได้เรียนหนังสือเต็มที่กับเขาสักที
เจอพวกชอบโทร(สาธารณะ)นานแทบจะกางมุ้งนอนรอ >> ถ้าไม่กล้าเคาะเตือน ขณะที่เรายืนรอ ลองฝึกสังเกต คนพวกนี้เล่นๆ ก็ได้ สนุกดีนะ เช่น"เจ้าหมอนี่ นุ่งกางเกงยีนส์ปะๆ แต่ว่าซักสะอาด แสดงว่าชอบโชว์ความเก๋า แต่เล็บมือด๊ำดำ ว๊า! หมดท่าเลย สังเกตดูเสื้อสก๊อตสีน้ำเงิน ดูดีๆ ตะเข็บเย็บไม่ประณีต สงสัยจะเป็นเสื้อโหล ชอบยืนพิงตู้โทรคุยแบบนี้ น่าจะเป็นคนขี้เกียจนะ นั่นๆ มีสมุดเรียนเหน็บที่กระเป๋าหลัง อ๋อ! เรียนอยู่สถาบันนี้เอง เป็นต้น
เป็นคนขึ้อายมากเวลาคุยกับใครจะม้วนไปม้วนมา >> เป็นเฉพาะเวลาคุยกับหนุ่มๆ ใช่ไหม ให้คิดว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของเรา แม่รู้สึกยังไงกับลูกล่ะ เอ็นดูใช่ไหม สงสารใช่ไหม ให้มีเมตตากรุณาต่อผู้ชายทุกคนที่คุยด้วย แต่ไม่หวั่นไหวกับใครง่ายๆ ความอายจะหายไป
มีคนใส่ร้ายทำให้เราโกรธมากจนนอนไม่หลับ >> เขาทำความชั่วเขาก็จะได้ผลชั่วของเขาเอง เรามามัวนอนโกรธ จนนอนไม่หลับ อย่างนี้ก็สมใจเขาสิ เปลี่ยนไม่ถือสาหาความ เมตตาเอ็นดูเขาดีกว่านอนหลับสบาย แถมฝันดีอีกต่างหาก
ครูสอนน่าเบื่อโดดเรียนดีกว่าเรา >> โดดเรียน ได้ผ่อนคลาย มีเสรี จะไปไหนก็ได้ มันก็ดีเหมือนกันนะ แต่ทว่ามันเป็นการหนีปัญหา เพราะอีกหน่อยเราก็คงต้องหนีเรื่อยไป หนีหน้าคน หนีการงาน หนีความรับผิดชอบ ขืนเป็นอย่างนี้ อนาคตของเราคงจะไปไม่รอดแน่ๆ สู้เลย! จะไปกลัวอะไร ถ้าครูสอนน่าเบื่อ เราก็เรียนให้มันน่าสนุกสิ ง่ายจะตายไป เรื่องอะไรจะหนีเรียนให้เสียชื่อ เราสู้วันนี้ เพื่อวันข้างหน้าสบาย
ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับทำไมผู้ใหญ่ชอบบังคับกันเรื่อย >> ถ้าไม่อยากให้รู้สึกว่ามีคนมาบังคับ ก็ต้องทำอะไรด้วยเหตุผลของตัวเอง เช่น แม่สั่งให้เก็บที่นอนทุกเช้า เราก็คิดว่า "ที่เราทำไม่ใช่เพราะกลัวแม่ด่า แต่เพราะเห็นว่ามันเป็นระเบียบเรียบร้อยดีต่างหาก" , พ่อบังคับไม่ให้เราไปเที่ยวไหนในวันหยุด เราก็คิดว่า “ที่เราไม่ไปไหน ไม่ใช่เพราะกลัวพ่อดุ แต่เพราะเราต้องการจะฝึกตัวเองให้เข้มแข็งต่างหาก" ฯลฯ
เป็นโรคหัวใจเข้าใกล้คนหล่อๆ ทีไรหวั่นไหวทุกที >> เวลาเข้าใกล้คนหล่อ ให้นึกถึงอะไรที่น่าเกลียดภายในตัวของเขาสิ เช่น ขนจมูกของเขา ขี้หู ขี้ตา รังแค ฯลฯ คิดอย่างนี้ เดี๋ยวก็หายหวั่นไหวไปเอง ไม่เชื่อก็ลองดูสิ
เพื่อนๆ ในห้องมีแฟนกันหมดแล้วมีเหลือแต่เรา "เหงา" อยู่คนเดียว >> คิดมุมกลับ "เพื่อนๆ ในห้องหาเรื่องไปร้อนรนทุรนทุรายกันหมดแล้ว เหลือแต่เราอยู่เย็นเป็นสุขอยู่คนเดียว เย้!"
เพื่อนนินทา >> แสดงว่าเราต้องมีดีอะไรสักอย่าง จนเพื่อนมันอิจฉาอย่างนี้เราน่าจะภูมิใจตัวเองแทนที่จะไปโกรธเพื่อนคนนั้น พูดง่ายๆ เขาไม่มีจุดเด่นเหมือนเราเขาจึงนินทาว่างั้นเหอะ
ส่งยิ้มให้เธอแล้ว ไม่แยแส >> ยังดีนะ ที่เธอไม่ด่ากลับมา นี่แสดงว่าเธอยังมีน้ำใจดีอยู่บ้าง ซาบซึ้งเหลือเกิน ถึงเราจะแห้ว แต่เราก็ยังประทับใจในความดีของหล่อน
โดนแม่ด่าแต่เช้าตรู่ >> แสดงว่าแม่ยังรักและห่วงใยเราอยู่ ซาบซึ้งมากเลย อีกอย่างหนึ่งในคำด่าของแม่ต้องมีอะไรดีๆ ซ่อนไว้แน่ๆ ไม่อย่างนั้นแม่ไม่ด่าซ้ำๆ เรื่องเดิมๆ อย่างนี้หรอก
ครูสอนไม่รู้เรื่องเลย >> ท้าทายมาก นี่หมายความว่าคุณครูกำลังท้าทายเรา ว่าถ้าข้าสอนห่วยๆ แบบนี้ เอ็งจะรู้เรื่องหรือเปล่า อย่างนี้ยอมไม่ได้ เราต้องขวนขวายเอาเอง เพื่อพิสูจน์กึ๋นให้คุณครูรู้ว่าเรานี้ก็ไม่เบาเหมือนกัน
เพื่อนหักหลัง >> น่าสงสารนายนะ เพราะนิสัยของนาย คงจะทำให้นายต้องเสียเพื่อนไปหมดทุกคนในไม่ช้า เพราะคงไม่มีใครหรอกที่จะไว้ใจคนที่หักหลังเพื่อน.
วันหยุดการบ้านเพียบ >> คุณครูกำลังท้าทายความสามารถของเรา(อีกแล้ว) เรารู้ทันหรอกน่า การบ้านเยอะอย่างนี้เราก็ว่าดีนะ เพราะได้ฝึก ตัวเองให้เป็นคนสู้งานหนัก ถ้าเราสู้ไม่ถอยในวันนี้ อนาคตไปโลด
อกหักอีกแล้ว >> ไม่เป็นไร ได้เรียนรู้ชีวิต นี่ป็นการพิสูจน์สัจจธรรมอีกครั้งว่า รักแท้คือแม่เรา ว่าแต่ตัวเราเอง คอยปรับปรุงตัวเองให้ดีๆ เหอะ ชีวิตดีขึ้นเดี๋ยวก็มีคนมาชอบเราเองแหละ
ใช้เงินเพลินหมดเรียบเลย >> "เงินหมด ก็อดอย่างเสือ" ดีสิ..จะได้ฝึกนิสัยอดทนสักระยะ ยังมีคนอื่นที่ทุกข์มากกว่าเราเยอะแยะ ทุกข์ของเรามันแค่เรื่องขี้ผง
เราหน้าตี๋ กลมๆ เหมือนดวงจันทร์ >> หล่อจะตาย สมัยก่อนเขาคลั่งไคล้กันมาก ขนาดที่เมืองจีน เวลาปั้นพระพุทธรูป เขายังปั้นให้หน้าอูม ๆ เลย จริงอยู่สมัยนี้เขานิยมคนหน้าตาแบบลูกครึ่งฝรั่ง แต่อีกหน่อยก็เลิกฮิต เชื่อเหอะ ไม่แน่นะ ในอนาคตแฟชั่นหน้าตี๋อาจจะกลับมานิยมอีกก็ได้ อีกอย่างสมัยนี้ สาวๆ ที่ฉลาด เขาชอบคนดีมากกว่าคนหล่อ นะจะบอกให้
ชอบเขา แต่เขาไม่ชอบเรา >> ธรรมดาเลย ปิ๊งใครง่าย ๆ มันก็ต้องกิน"แห้ว"ประจำ ที่จริงชีวิตของเรานั้นมีคุณค่ามากนะ จะปล่อยให้เรื่องเล็กๆ แค่นี้มาทำให้ชีวิตของเราไร้ค่าได้อย่างไร ทำตัวเองให้มีค่า ดีกว่า เดี๋ยวก็มีคนดี ๆ มาชอบเราเอง
เข้าคิวซื้อตั๋วหนังอยู่ดีๆ ก็ถูกแซงคิวหน้าตาเฉย >> โถ! น่าสงสาร ยอมเสียนิสัย เพื่อแลกกับตั๋วหนังเพียงใบเดียว
คนชอบมาแซวเราว่า "น้องดำ ดอทคอม" >> ผิวอย่างฉันเขาเรียกว่า "คมขำ" ย่ะ หนุ่มๆ ฝรั่งหลงใหลจะตายไป พวกนายคงโดนโฆษณาหลอกแล้วล่ะ"ฉันคือตัวฉัน" ไม่ต้องให้ใครมาจูงจมูกหรอกนะ
เพื่อนเห็นแก่ตัว กินไหนกินด้วยแต่ไม่เคยช่วยสักบาท >> เฮ้อ นึกว่าช่วยชีวิตเพื่อนให้รอดไปได้สักมื้อก็แล้วกัน ได้บุญดีนะ (แต่นานๆ เจอกันสักที ก็แล้วกัน)
กลุ้มใจจังไม่มีใครมาจีบ >> มันยังดีกว่า "ช้ำใจ" ที่โดนคนมาหลอก ถ้าอยากจะพบรักแท้ มันก็ต้องอดทนไว้ก่อนนะเธอ
อิจฉาเพื่อนแฟนมันสวยอะ >> มีแฟนสวยก็ยินดีด้วย แต่เราว่ามีแฟนนิสัยดีดูแลเอาใจใส่ดี แบบนี้สุดยอดกว่านะ
พอแฟนเจอคนที่รวยกว่าเธอบอกเลิกกับผมทันที >> อย่างนี้เรียกว่า “โชคดีที่เลิกกัน จริงๆ นะ” คนที่เห็นเงินทองสำคัญกว่าความรักอย่างเงี้ยะ ขืนได้แต่งงานด้วย รับรองว่าเจอปัญหาตลอดชีวิตแน่เราโชคดีแล้วล่ะ ที่แคล้วคลาดออกมาได้
พ่อบังคับผมจะให้สอบเอ็นฯ ติดให้ได้ เครียดมาก >> โอเคครับ ผมจะพยายามเพื่อพ่อ แต่ผมขอเวลาทำอะไรเพื่อตัวผมเองบ้างนะครับ อ้อ! ถ้าเอ็นฯ ไม่ติด ก้อไม่ว่ากันนะครับ เพราะสุดฝีมือแล้ว แต่พ่อไม่ต้องห่วงอนาคตของผมหรอกครับ เพราะถึงผมจะเอ็นฯไม่ติด ผมได้เตรียมหนทางของผมไว้แล้ว รับรองไปได้สวยอย่างแน่นอนครับ
เพื่อนรักต่อหน้าทำดีกับเราแต่ลับหลังเผาเราไม่มีดี >> ไม่เป็นไร เราให้อภัย เพราะนายเคยทำดีกับเราไว้เยอะ เอาเป็นว่าถ้านายเลิกนิสัยนี้ได้เมื่อไหร่ เราทั้งสองคน ค่อยมาคบกันใหม่นะ สวัสดี
เกิดมาจนโธ่! คนอย่างเรา >> เกิดมาจน ก็ได้เปรียบน่ะสิ เพราะได้มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยลำแข้งของตัวเองจริงๆ ชีวิตจะแข็งแกร่งกว่าคนที่เกิดมาสบายๆ ตั้งแต่เด็ก ได้เปรียบแล้ว ยังมาทำบ่นอีก
ไม่รู้เป็นอะไรอยากได้โน่นได้นี่ตลอดเวลาแต่ไม่มีเงิน >> "อยากได้โน่นอยากได้นี่" มีแต่เสียเงินลูกเดียว อยากทำโน่นอยากทำนี่ ดีกว่า สนุกดี แฮปปี้ตลอดวัน แถมไม่ต้องเสียเงินสักบาท
คืนนี้ อยู่คนเดียวกลัวผีจัง >> นี่พวกผี ตอนนี้ฉันกำลังสวดนะโม ตัสสะฯ อยู่นะ เตือนไว้ก่อนว่าพระพุทธเจ้าท่านกำลังประทับอยู่ในใจฉัน ผีตัวไหนอย่าอุตริโผล่ขึ้นมาหลอกล่ะ บาปกรรมหัวแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงไม่รู้ด้วยนะเออ
กระเป๋ารถเมล์สายที่นั่งประจำพูดจาไม่สุภาพฟังแล้วไม่สบอารมณ์เลย >> น่าเห็นใจนะอาชีพนี้ นี่ถ้าฉันลองไปทำดูบ้าง ฉันก็คงจะเครียด และต้องแสดงอาการกริยาแบบนี้แหละ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)