คุณคิดว่ารัก คือ..อะไร
คุณคิดว่ารัก คือ..อะไร??...วันนี้ ฉันนั่ง และคิดถึงคำนั่น..คำว่ารัก..ว่ามัน คืออะๆไร?? เลยลองๆหาคำตอบในอินเตอร์เน็ตดู
และก้อพบว่า...รัก คือ....
รัก คือ..น้ำ ไม่มีรสชาติ แต่ ขาดไม่ได้
รัก คือ..อากาศ จับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้
รัก คือ..โคถึก ที่ครึกพิโรธ
รัก คือ..สุรา ไม่เมาเหล้า แล้วเรายังเมารัก..
รัก คือ..ยาเสพติด
รัก คือ..ความเข้าใจ ....(เหรอ)
รัก คือ..การเสียสละ
รัก คือ..หนังสือ ที่ต้องอ่าน ต้องเรียนรู้ ต้องศึกษา
รัก คือ..การแย่งชิง
รัก คือ..เวลา
รัก คือ..ดาบสองคม
รัก คือ..มิตรภาพ
รัก คือ..การหึงหวง
....และอีกมากมาย
......ฉัน คิดว่า..คำว่ารักนะ มันอยู่กับเรามาตั้งแต่ที่เราไม่เกิด อยู่กับเรามาตั้งแต่..แม่รู้ว่ามีเรา(อีกคนในร่างกาย) อยู่กับเรามาตั้งแต่ก้าวแรกที่แม่เดิน..อาหารทุกคำที่แม่กิน เพลงทุกเพลงที่แม่ฟัง..จนทุกวันนี้เราก้อยังมีรักหล่อเลี้ยงอยู่ รักจากแม่..จากพ่อ ..จากครอบครัว ..จากเพื่อน..
จากคนขายอาหาร..จากคนข้างบ้าน..จากคนที่ทำงาน ..จากต้นไม้..ดอกไม้..
จากปลาทองในตู้ที่เราเลี้ยง....รักอยู่กับเรามามากกว่าอายุของเรา แม้ว่า..เราจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว...มันคืออะไรกันแน่..
ฉันใช้เวลา 20 กว่าปีของฉันมาด้วยความรัก ความรักจากคนรอบข้างที่หล่อเลี้ยงให้ฉันเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และฉันก้อมอบความรักของฉันแก่คนรอบข้าง..เช่นกัน ..ความรักที่แปรรูปออกมาเป็นรอยยิ้ม..เสียงหัวเราะ ..คำทักทาย..ความหวังดี..ความใส่ใจ..ความห่วงใย..อ้อมกอด..ขนม..นม..และอีกมากมาย..ที่ฉันแปรรูปความรักออกมา..
..และเมื่อ..วันหนึ่ง..ที่ฉันจะได้เจอ..คนรัก..ที่เค้ารักฉัน..และฉันรักเค้า..ฉันจะมอบความรักที่แปรรูปแล้วของฉันให้เค้า..อย่างที่ฉันรักตัวเอง..
..รัก คืออะไร..ฉันไม่รู้ และไม่จำเป็นตัองรู้..เพราะคำว่ารักจะไม่มีค่าอะไรเลย..เมื่อไม่มีการกระทำที่จริงใจ..ห่วงใย..หรือเอาใจใส่..ถ้ามีสักคนที่ฉันจะรัก..ฉันจะดูแลเค้าด้วย..การกระทำ..ที่ดูแลกันและกัน..เหมือนอย่างวันแรกที่แม่รู้ว่า..แม่มีเรา..
เกิดขึ้น..นั่นหล่ะ คือ รักแรกของฉัน..
และก้อพบว่า...รัก คือ....
รัก คือ..น้ำ ไม่มีรสชาติ แต่ ขาดไม่ได้
รัก คือ..อากาศ จับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้
รัก คือ..โคถึก ที่ครึกพิโรธ
รัก คือ..สุรา ไม่เมาเหล้า แล้วเรายังเมารัก..
รัก คือ..ยาเสพติด
รัก คือ..ความเข้าใจ ....(เหรอ)
รัก คือ..การเสียสละ
รัก คือ..หนังสือ ที่ต้องอ่าน ต้องเรียนรู้ ต้องศึกษา
รัก คือ..การแย่งชิง
รัก คือ..เวลา
รัก คือ..ดาบสองคม
รัก คือ..มิตรภาพ
รัก คือ..การหึงหวง
....และอีกมากมาย
......ฉัน คิดว่า..คำว่ารักนะ มันอยู่กับเรามาตั้งแต่ที่เราไม่เกิด อยู่กับเรามาตั้งแต่..แม่รู้ว่ามีเรา(อีกคนในร่างกาย) อยู่กับเรามาตั้งแต่ก้าวแรกที่แม่เดิน..อาหารทุกคำที่แม่กิน เพลงทุกเพลงที่แม่ฟัง..จนทุกวันนี้เราก้อยังมีรักหล่อเลี้ยงอยู่ รักจากแม่..จากพ่อ ..จากครอบครัว ..จากเพื่อน..
จากคนขายอาหาร..จากคนข้างบ้าน..จากคนที่ทำงาน ..จากต้นไม้..ดอกไม้..
จากปลาทองในตู้ที่เราเลี้ยง....รักอยู่กับเรามามากกว่าอายุของเรา แม้ว่า..เราจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว...มันคืออะไรกันแน่..
ฉันใช้เวลา 20 กว่าปีของฉันมาด้วยความรัก ความรักจากคนรอบข้างที่หล่อเลี้ยงให้ฉันเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และฉันก้อมอบความรักของฉันแก่คนรอบข้าง..เช่นกัน ..ความรักที่แปรรูปออกมาเป็นรอยยิ้ม..เสียงหัวเราะ ..คำทักทาย..ความหวังดี..ความใส่ใจ..ความห่วงใย..อ้อมกอด..ขนม..นม..และอีกมากมาย..ที่ฉันแปรรูปความรักออกมา..
..และเมื่อ..วันหนึ่ง..ที่ฉันจะได้เจอ..คนรัก..ที่เค้ารักฉัน..และฉันรักเค้า..ฉันจะมอบความรักที่แปรรูปแล้วของฉันให้เค้า..อย่างที่ฉันรักตัวเอง..
..รัก คืออะไร..ฉันไม่รู้ และไม่จำเป็นตัองรู้..เพราะคำว่ารักจะไม่มีค่าอะไรเลย..เมื่อไม่มีการกระทำที่จริงใจ..ห่วงใย..หรือเอาใจใส่..ถ้ามีสักคนที่ฉันจะรัก..ฉันจะดูแลเค้าด้วย..การกระทำ..ที่ดูแลกันและกัน..เหมือนอย่างวันแรกที่แม่รู้ว่า..แม่มีเรา..
เกิดขึ้น..นั่นหล่ะ คือ รักแรกของฉัน..
ปริศนาของโมนาลิซ่า
| |||
♥ 10 เรื่องแปลกวันวาเลนไทน์ ♥
เรื่องที่ 1: จดหมายถึงจูเลียต
เชื่อไหมว่า ทุกวันวาเลนไทน์ของทุกปี เมือง "เวโรนา" ซึ่งเป็นเมืองของโรมิโอกับจูเลียต จะได้รับจดหมายกว่า 1 พันฉบับ จ่าหน้าซองถึงจูเลียต!
ถ้า ใครเคยดูหนังเรื่อง Letters to Juliet ก็จะพอนึกภาพกันออก ที่ผู้หญิงนิยมส่งจดหมายรักไปที่บ้านของจูเลียตเพื่อปรึกษาปัญหารัก และขอพรให้รักของพวกเขาสมหวัง (โรแมนติกจริง อะไรจริง แต่ถ้าส่งจากเมืองไทยไป ค่าส่งน่าจะบานตะไทอยู่ = = ขออภัยหากความเห็นพี่อิงทำให้คนอ่านหมดมู้ด)
(ภาพกำแพงในบ้านของจูเลียต ที่คู่รักจะนำกระดาษเขียนข้อความหวานๆ มาติดไว้)
เรื่องที่ 2: ของขวัญวาเลนไทน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
รู้ไหมว่าอะไรคือของขวัญวาเลนไทน์ที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดเท่าที่โลกเคยมี...
เฉลย "ทัชมาฮาลไง" ของขวัญชิ้นนี้สร้างโดยพระราชาชาห์จาฮาน เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานตัวแทนความรักอันเป็นนิรันดร์ ที่พระองค์มีต่อพระมเหสี
ทัช มาฮาลเริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1634 และใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 22 ปี ใช้แรงงานคนทั้งหมดสองหมื่นคนจากทั่วทั้งอินเดียและประเทศแถบนั้น (เป็นความ รักที่ซึ้งสะเทือนใจมากๆ พี่อิงแนะนำให้น้องๆ ไปหาเกร็ดความรู้เรื่องนี้เพิ่มเติมนะจ๊ะ มีสอบด้วยนี่)
เรื่องที่ 3: คนที่ได้รับการ์ดวาเลนไทน์มากที่สุด
ลองเดากันดูว่า ใครจะได้รับการ์ดวาเลนไทน์มากที่สุด...
คุณครูนั่นเอง! ช็อกไหม...มีคนส่งการ์ดวาเลนไทน์หาครูจริงๆ รึ
ลำดับรองลงมาคือ บรรดาลูกที่ได้จากคุณพ่อคุณแม่, คุณแม่, ภรรยา, แฟน และสัตว์เลี้ยง...
(พี่อิงชวนให้น้องๆ ลองนึกถึงคุณครูฝ่ายปกครองที่ดุที่สุดในโรงเรียน แล้วลองจับกลุ่มส่งการ์ดวาเลนไทน์ไปให้ท่านกันดีไหม จะได้มีเรื่องน่ารักๆ ในวันวาเลนไทน์)
เรื่องที่ 4: ความเชื่อวันวาเลนไทน์
เชื่อกันว่า ในวันวาเลนไทน์ ชื่อผู้ชายที่น้องๆ ผู้หญิง ได้ยินเป็นครั้งแรกของวัน ไม่ว่าจะอ่านจากหนังสือพิมพ์ หรือได้ยินจากวิทยุ โทรทัศน์ จะเป็นชื่อของผู้ชายที่น้องจะแต่งงานด้วยในอนาคต
(โอเค ก่อนวันวาเลนไทน์ พี่อิงจะเอาชื่อพร้อมใบหน้าของ โรเบิร์ต แพททินสัน ไปแปะเพดาน เหอๆ)
เรื่องที่ 5: ความเชื่อเรื่องนก
ในยุคสมัยโบราณเลย เชื่อกันว่า ถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนกโรบินบินผ่านศีรษะตัวเองในวันวาเลนไทน์ ก็จะได้แต่งงานกับทหารเรือ
และ ถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนกกระจอก จะได้แต่งงานกับคนจนแต่มีความสุขตลอดชีวิตการแต่งงาน หรือถ้าได้เห็นนกโกลฟินช์ ก็จะได้แต่งงานกับเศรษฐี!
(แล้วถ้าได้เห็นนกกระจอกเทศล่ะ = =;)
เรื่องที่ 6: ช้อนแห่งความรัก
ในประเทศเวลส์ ผู้คนสมัยก่อนนิยมให้ช้อนแห่งความรักแก่คนรัก ซึ่งเป็นช้อนไม้ที่แกะสลักลวดลายซับซ้อนแปลกตา
(สวยนะ...แต่ อืม...คนรับน่าจะกลัวมากว่าจะซึ้ง ก็หน้าตามันอย่างกับเครื่องรางกันผี)
เรื่องที่ 7: รายจ่าย!
โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ชายจะใช้เงินประมาณ 5 พันบาทสำหรับวันวาเลนไทน์ เพื่อให้เป็นค่ำคืนที่พิเศษสุดสำหรับผู้หญิงที่เขารัก
(ใครได้ช็อคโกแลตขายในเซเว่นแท่งเดียวจากแฟนยกมือขึ้น! แถมแอบกัดไปแล้ว 1 คำ)
เรื่องที่ 8: วันวาเลนไทน์เมื่อ 700 ปีที่แล้ว
ผู้ เชึ่ยวชาญเชื่อว่า วันวาเลนไทน์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความโรแมนติกเลยสักนิด จนกระทั่งราวๆ ศตวรรษที่ 14 ก่อนหน้านี้วันวาเลนไทน์มีไว้สำหรับพิธีทางศาสนาและสวดมนต์ เพื่อนักบุญวาเลนไทน์
เรื่องที่ 9: วันวาเลนไทน์โดนแบน!
บาง ศาสนาและในบางประเทศ แบนวันวาเลนไทน์! เพราะพวกเขาเชื่อว่า มันกระตุ้นให้เกิดความลุ่มหลงราคะ โดยในปี 2002 และ 2008 ประเทศซาอุดิอาระเบีย แบนวันวาเลนไทน์แหละ
เรื่องที่ 10: ประเทศที่มีวันวาเลนไทน์เยอะที่สุดในโลก
ประเทศเกาหลีใต้!
รู้ไหมว่า เกาหลีใต้มีวันแห่งความรักทุกเดือน! แต่วันแห่งความรักที่สำคัญที่สุดอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน
ใน เดือนกุมภาพันธ์ ผู้หญิงจะให้ขนมหวานกับผู้ชาย ส่วนในเดือนมีนาคม ผู้ชายจะให้ของตอบแทน แต่ของขวัญนั้นจะไม่ใช่ขนมหรือช็อคโกแลต และเดือนเมษายน จะมีวันที่เรียว่า "Black Day" หรือ "วันสีดำ" สำหรับคนที่โดดเดี่ยวไร้เงาแฟน ไม่ได้ของขวัญจากใคร จะมารวมตัวกินจาจังมยอน (บะหมี่ราดซอสดำ) ที่ร้านอาหารกัน
เป็น ไงบ้าง มีใครรู้ครบทุกข้อไหม พี่อิงพนันเลยว่าไม่มี อิอิ...ส่วนใครที่ไม่ได้รับของขวัญวาเลนไทน์ก็อย่าเศร้าใจไปนะ ซื้อของขวัญให้พ่อแม่กันเลย แล้วแนบการ์ดว่า อยากได้ของขวัญบ้าง อะไรบ้าง รับรองว่าวันต่อมา จะได้ของขวัญถูกใจมาวางตรงหน้าแน่นอน!
อย่าลืมว่า คนที่รักเราที่สุดในโลกนี้ ก็คือพ่อแม่ของเรานะคะ
รักของพ่อแม่ ทั้งรักแท้ และ รักยั่งยืน
| |||
|
เรามาดูการมองโลกในแง่ดีกันดีกว่า
นิสัยไม่ดีชอบจ้องจับผิดคนอื่น >> มิน่าถึงไม่มีเพื่อนที่ดีเหลือเลยสักคน จับผิดตัวเองดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะเลย
ติดเกมงอมแงมเสียการเรียน แต่เลิกไม่ได้ >> พูดท้าทายตัวเอง เช่น "เล่นเกมสนุก แต่ไม่มีสาระ เสียเวลาไปเปล่าๆ ไหนเก่งจริง ลองทำงานหรือเรียนให้สนุกเหมือนเกม ทำได้หรือเปล่า"
ทำสิ่งที่ไม่ดีบางอย่าง >> รู้สึกกังวลและเครียดมากหายใจไม่ทั่วท้องเลย หายใจเข้าออกลึกๆ ให้สุดปอดตลอดทั้งวัน และบอกกับตัวเองว่า "ถ้ามันไม่ร้ายแรงถึงกับตาย เราก็ไม่ต้องไปกลัวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรารับได้อยู่แล้ว เราแก้ไขปรับปรุงตัวเองได้ สบายมาก"
ทำไมโรงเรียนต้องบังคับนักเรียนชายให้ตัดผมด้วย หมดหล่อเลยเรา เผด็จการชัดๆ >> ลดความหล่อบ้างสักนิดก็ดีนะสาวๆ จะได้ไม่กวน ขอบคุณครับคุณครู ที่ช่วยให้ผมได้เรียนหนังสือเต็มที่กับเขาสักที
เจอพวกชอบโทร(สาธารณะ)นานแทบจะกางมุ้งนอนรอ >> ถ้าไม่กล้าเคาะเตือน ขณะที่เรายืนรอ ลองฝึกสังเกต คนพวกนี้เล่นๆ ก็ได้ สนุกดีนะ เช่น"เจ้าหมอนี่ นุ่งกางเกงยีนส์ปะๆ แต่ว่าซักสะอาด แสดงว่าชอบโชว์ความเก๋า แต่เล็บมือด๊ำดำ ว๊า! หมดท่าเลย สังเกตดูเสื้อสก๊อตสีน้ำเงิน ดูดีๆ ตะเข็บเย็บไม่ประณีต สงสัยจะเป็นเสื้อโหล ชอบยืนพิงตู้โทรคุยแบบนี้ น่าจะเป็นคนขี้เกียจนะ นั่นๆ มีสมุดเรียนเหน็บที่กระเป๋าหลัง อ๋อ! เรียนอยู่สถาบันนี้เอง เป็นต้น
เป็นคนขึ้อายมากเวลาคุยกับใครจะม้วนไปม้วนมา >> เป็นเฉพาะเวลาคุยกับหนุ่มๆ ใช่ไหม ให้คิดว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของเรา แม่รู้สึกยังไงกับลูกล่ะ เอ็นดูใช่ไหม สงสารใช่ไหม ให้มีเมตตากรุณาต่อผู้ชายทุกคนที่คุยด้วย แต่ไม่หวั่นไหวกับใครง่ายๆ ความอายจะหายไป
มีคนใส่ร้ายทำให้เราโกรธมากจนนอนไม่หลับ >> เขาทำความชั่วเขาก็จะได้ผลชั่วของเขาเอง เรามามัวนอนโกรธ จนนอนไม่หลับ อย่างนี้ก็สมใจเขาสิ เปลี่ยนไม่ถือสาหาความ เมตตาเอ็นดูเขาดีกว่านอนหลับสบาย แถมฝันดีอีกต่างหาก
ครูสอนน่าเบื่อโดดเรียนดีกว่าเรา >> โดดเรียน ได้ผ่อนคลาย มีเสรี จะไปไหนก็ได้ มันก็ดีเหมือนกันนะ แต่ทว่ามันเป็นการหนีปัญหา เพราะอีกหน่อยเราก็คงต้องหนีเรื่อยไป หนีหน้าคน หนีการงาน หนีความรับผิดชอบ ขืนเป็นอย่างนี้ อนาคตของเราคงจะไปไม่รอดแน่ๆ สู้เลย! จะไปกลัวอะไร ถ้าครูสอนน่าเบื่อ เราก็เรียนให้มันน่าสนุกสิ ง่ายจะตายไป เรื่องอะไรจะหนีเรียนให้เสียชื่อ เราสู้วันนี้ เพื่อวันข้างหน้าสบาย
ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับทำไมผู้ใหญ่ชอบบังคับกันเรื่อย >> ถ้าไม่อยากให้รู้สึกว่ามีคนมาบังคับ ก็ต้องทำอะไรด้วยเหตุผลของตัวเอง เช่น แม่สั่งให้เก็บที่นอนทุกเช้า เราก็คิดว่า "ที่เราทำไม่ใช่เพราะกลัวแม่ด่า แต่เพราะเห็นว่ามันเป็นระเบียบเรียบร้อยดีต่างหาก" , พ่อบังคับไม่ให้เราไปเที่ยวไหนในวันหยุด เราก็คิดว่า “ที่เราไม่ไปไหน ไม่ใช่เพราะกลัวพ่อดุ แต่เพราะเราต้องการจะฝึกตัวเองให้เข้มแข็งต่างหาก" ฯลฯ
เป็นโรคหัวใจเข้าใกล้คนหล่อๆ ทีไรหวั่นไหวทุกที >> เวลาเข้าใกล้คนหล่อ ให้นึกถึงอะไรที่น่าเกลียดภายในตัวของเขาสิ เช่น ขนจมูกของเขา ขี้หู ขี้ตา รังแค ฯลฯ คิดอย่างนี้ เดี๋ยวก็หายหวั่นไหวไปเอง ไม่เชื่อก็ลองดูสิ
เพื่อนๆ ในห้องมีแฟนกันหมดแล้วมีเหลือแต่เรา "เหงา" อยู่คนเดียว >> คิดมุมกลับ "เพื่อนๆ ในห้องหาเรื่องไปร้อนรนทุรนทุรายกันหมดแล้ว เหลือแต่เราอยู่เย็นเป็นสุขอยู่คนเดียว เย้!"
ติดเกมงอมแงมเสียการเรียน แต่เลิกไม่ได้ >> พูดท้าทายตัวเอง เช่น "เล่นเกมสนุก แต่ไม่มีสาระ เสียเวลาไปเปล่าๆ ไหนเก่งจริง ลองทำงานหรือเรียนให้สนุกเหมือนเกม ทำได้หรือเปล่า"
ทำสิ่งที่ไม่ดีบางอย่าง >> รู้สึกกังวลและเครียดมากหายใจไม่ทั่วท้องเลย หายใจเข้าออกลึกๆ ให้สุดปอดตลอดทั้งวัน และบอกกับตัวเองว่า "ถ้ามันไม่ร้ายแรงถึงกับตาย เราก็ไม่ต้องไปกลัวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรารับได้อยู่แล้ว เราแก้ไขปรับปรุงตัวเองได้ สบายมาก"
ทำไมโรงเรียนต้องบังคับนักเรียนชายให้ตัดผมด้วย หมดหล่อเลยเรา เผด็จการชัดๆ >> ลดความหล่อบ้างสักนิดก็ดีนะสาวๆ จะได้ไม่กวน ขอบคุณครับคุณครู ที่ช่วยให้ผมได้เรียนหนังสือเต็มที่กับเขาสักที
เจอพวกชอบโทร(สาธารณะ)นานแทบจะกางมุ้งนอนรอ >> ถ้าไม่กล้าเคาะเตือน ขณะที่เรายืนรอ ลองฝึกสังเกต คนพวกนี้เล่นๆ ก็ได้ สนุกดีนะ เช่น"เจ้าหมอนี่ นุ่งกางเกงยีนส์ปะๆ แต่ว่าซักสะอาด แสดงว่าชอบโชว์ความเก๋า แต่เล็บมือด๊ำดำ ว๊า! หมดท่าเลย สังเกตดูเสื้อสก๊อตสีน้ำเงิน ดูดีๆ ตะเข็บเย็บไม่ประณีต สงสัยจะเป็นเสื้อโหล ชอบยืนพิงตู้โทรคุยแบบนี้ น่าจะเป็นคนขี้เกียจนะ นั่นๆ มีสมุดเรียนเหน็บที่กระเป๋าหลัง อ๋อ! เรียนอยู่สถาบันนี้เอง เป็นต้น
เป็นคนขึ้อายมากเวลาคุยกับใครจะม้วนไปม้วนมา >> เป็นเฉพาะเวลาคุยกับหนุ่มๆ ใช่ไหม ให้คิดว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของเรา แม่รู้สึกยังไงกับลูกล่ะ เอ็นดูใช่ไหม สงสารใช่ไหม ให้มีเมตตากรุณาต่อผู้ชายทุกคนที่คุยด้วย แต่ไม่หวั่นไหวกับใครง่ายๆ ความอายจะหายไป
มีคนใส่ร้ายทำให้เราโกรธมากจนนอนไม่หลับ >> เขาทำความชั่วเขาก็จะได้ผลชั่วของเขาเอง เรามามัวนอนโกรธ จนนอนไม่หลับ อย่างนี้ก็สมใจเขาสิ เปลี่ยนไม่ถือสาหาความ เมตตาเอ็นดูเขาดีกว่านอนหลับสบาย แถมฝันดีอีกต่างหาก
ครูสอนน่าเบื่อโดดเรียนดีกว่าเรา >> โดดเรียน ได้ผ่อนคลาย มีเสรี จะไปไหนก็ได้ มันก็ดีเหมือนกันนะ แต่ทว่ามันเป็นการหนีปัญหา เพราะอีกหน่อยเราก็คงต้องหนีเรื่อยไป หนีหน้าคน หนีการงาน หนีความรับผิดชอบ ขืนเป็นอย่างนี้ อนาคตของเราคงจะไปไม่รอดแน่ๆ สู้เลย! จะไปกลัวอะไร ถ้าครูสอนน่าเบื่อ เราก็เรียนให้มันน่าสนุกสิ ง่ายจะตายไป เรื่องอะไรจะหนีเรียนให้เสียชื่อ เราสู้วันนี้ เพื่อวันข้างหน้าสบาย
ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับทำไมผู้ใหญ่ชอบบังคับกันเรื่อย >> ถ้าไม่อยากให้รู้สึกว่ามีคนมาบังคับ ก็ต้องทำอะไรด้วยเหตุผลของตัวเอง เช่น แม่สั่งให้เก็บที่นอนทุกเช้า เราก็คิดว่า "ที่เราทำไม่ใช่เพราะกลัวแม่ด่า แต่เพราะเห็นว่ามันเป็นระเบียบเรียบร้อยดีต่างหาก" , พ่อบังคับไม่ให้เราไปเที่ยวไหนในวันหยุด เราก็คิดว่า “ที่เราไม่ไปไหน ไม่ใช่เพราะกลัวพ่อดุ แต่เพราะเราต้องการจะฝึกตัวเองให้เข้มแข็งต่างหาก" ฯลฯ
เป็นโรคหัวใจเข้าใกล้คนหล่อๆ ทีไรหวั่นไหวทุกที >> เวลาเข้าใกล้คนหล่อ ให้นึกถึงอะไรที่น่าเกลียดภายในตัวของเขาสิ เช่น ขนจมูกของเขา ขี้หู ขี้ตา รังแค ฯลฯ คิดอย่างนี้ เดี๋ยวก็หายหวั่นไหวไปเอง ไม่เชื่อก็ลองดูสิ
เพื่อนๆ ในห้องมีแฟนกันหมดแล้วมีเหลือแต่เรา "เหงา" อยู่คนเดียว >> คิดมุมกลับ "เพื่อนๆ ในห้องหาเรื่องไปร้อนรนทุรนทุรายกันหมดแล้ว เหลือแต่เราอยู่เย็นเป็นสุขอยู่คนเดียว เย้!"
เพื่อนนินทา >> แสดงว่าเราต้องมีดีอะไรสักอย่าง จนเพื่อนมันอิจฉาอย่างนี้เราน่าจะภูมิใจตัวเองแทนที่จะไปโกรธเพื่อนคนนั้น พูดง่ายๆ เขาไม่มีจุดเด่นเหมือนเราเขาจึงนินทาว่างั้นเหอะ
ส่งยิ้มให้เธอแล้ว ไม่แยแส >> ยังดีนะ ที่เธอไม่ด่ากลับมา นี่แสดงว่าเธอยังมีน้ำใจดีอยู่บ้าง ซาบซึ้งเหลือเกิน ถึงเราจะแห้ว แต่เราก็ยังประทับใจในความดีของหล่อน
โดนแม่ด่าแต่เช้าตรู่ >> แสดงว่าแม่ยังรักและห่วงใยเราอยู่ ซาบซึ้งมากเลย อีกอย่างหนึ่งในคำด่าของแม่ต้องมีอะไรดีๆ ซ่อนไว้แน่ๆ ไม่อย่างนั้นแม่ไม่ด่าซ้ำๆ เรื่องเดิมๆ อย่างนี้หรอก
ครูสอนไม่รู้เรื่องเลย >> ท้าทายมาก นี่หมายความว่าคุณครูกำลังท้าทายเรา ว่าถ้าข้าสอนห่วยๆ แบบนี้ เอ็งจะรู้เรื่องหรือเปล่า อย่างนี้ยอมไม่ได้ เราต้องขวนขวายเอาเอง เพื่อพิสูจน์กึ๋นให้คุณครูรู้ว่าเรานี้ก็ไม่เบาเหมือนกัน
เพื่อนหักหลัง >> น่าสงสารนายนะ เพราะนิสัยของนาย คงจะทำให้นายต้องเสียเพื่อนไปหมดทุกคนในไม่ช้า เพราะคงไม่มีใครหรอกที่จะไว้ใจคนที่หักหลังเพื่อน.
วันหยุดการบ้านเพียบ >> คุณครูกำลังท้าทายความสามารถของเรา(อีกแล้ว) เรารู้ทันหรอกน่า การบ้านเยอะอย่างนี้เราก็ว่าดีนะ เพราะได้ฝึก ตัวเองให้เป็นคนสู้งานหนัก ถ้าเราสู้ไม่ถอยในวันนี้ อนาคตไปโลด
อกหักอีกแล้ว >> ไม่เป็นไร ได้เรียนรู้ชีวิต นี่ป็นการพิสูจน์สัจจธรรมอีกครั้งว่า รักแท้คือแม่เรา ว่าแต่ตัวเราเอง คอยปรับปรุงตัวเองให้ดีๆ เหอะ ชีวิตดีขึ้นเดี๋ยวก็มีคนมาชอบเราเองแหละ
ใช้เงินเพลินหมดเรียบเลย >> "เงินหมด ก็อดอย่างเสือ" ดีสิ..จะได้ฝึกนิสัยอดทนสักระยะ ยังมีคนอื่นที่ทุกข์มากกว่าเราเยอะแยะ ทุกข์ของเรามันแค่เรื่องขี้ผง
เราหน้าตี๋ กลมๆ เหมือนดวงจันทร์ >> หล่อจะตาย สมัยก่อนเขาคลั่งไคล้กันมาก ขนาดที่เมืองจีน เวลาปั้นพระพุทธรูป เขายังปั้นให้หน้าอูม ๆ เลย จริงอยู่สมัยนี้เขานิยมคนหน้าตาแบบลูกครึ่งฝรั่ง แต่อีกหน่อยก็เลิกฮิต เชื่อเหอะ ไม่แน่นะ ในอนาคตแฟชั่นหน้าตี๋อาจจะกลับมานิยมอีกก็ได้ อีกอย่างสมัยนี้ สาวๆ ที่ฉลาด เขาชอบคนดีมากกว่าคนหล่อ นะจะบอกให้
ชอบเขา แต่เขาไม่ชอบเรา >> ธรรมดาเลย ปิ๊งใครง่าย ๆ มันก็ต้องกิน"แห้ว"ประจำ ที่จริงชีวิตของเรานั้นมีคุณค่ามากนะ จะปล่อยให้เรื่องเล็กๆ แค่นี้มาทำให้ชีวิตของเราไร้ค่าได้อย่างไร ทำตัวเองให้มีค่า ดีกว่า เดี๋ยวก็มีคนดี ๆ มาชอบเราเอง
เข้าคิวซื้อตั๋วหนังอยู่ดีๆ ก็ถูกแซงคิวหน้าตาเฉย >> โถ! น่าสงสาร ยอมเสียนิสัย เพื่อแลกกับตั๋วหนังเพียงใบเดียว
คนชอบมาแซวเราว่า "น้องดำ ดอทคอม" >> ผิวอย่างฉันเขาเรียกว่า "คมขำ" ย่ะ หนุ่มๆ ฝรั่งหลงใหลจะตายไป พวกนายคงโดนโฆษณาหลอกแล้วล่ะ"ฉันคือตัวฉัน" ไม่ต้องให้ใครมาจูงจมูกหรอกนะ
เพื่อนเห็นแก่ตัว กินไหนกินด้วยแต่ไม่เคยช่วยสักบาท >> เฮ้อ นึกว่าช่วยชีวิตเพื่อนให้รอดไปได้สักมื้อก็แล้วกัน ได้บุญดีนะ (แต่นานๆ เจอกันสักที ก็แล้วกัน)
กลุ้มใจจังไม่มีใครมาจีบ >> มันยังดีกว่า "ช้ำใจ" ที่โดนคนมาหลอก ถ้าอยากจะพบรักแท้ มันก็ต้องอดทนไว้ก่อนนะเธอ
อิจฉาเพื่อนแฟนมันสวยอะ >> มีแฟนสวยก็ยินดีด้วย แต่เราว่ามีแฟนนิสัยดีดูแลเอาใจใส่ดี แบบนี้สุดยอดกว่านะ
พอแฟนเจอคนที่รวยกว่าเธอบอกเลิกกับผมทันที >> อย่างนี้เรียกว่า “โชคดีที่เลิกกัน จริงๆ นะ” คนที่เห็นเงินทองสำคัญกว่าความรักอย่างเงี้ยะ ขืนได้แต่งงานด้วย รับรองว่าเจอปัญหาตลอดชีวิตแน่เราโชคดีแล้วล่ะ ที่แคล้วคลาดออกมาได้
พ่อบังคับผมจะให้สอบเอ็นฯ ติดให้ได้ เครียดมาก >> โอเคครับ ผมจะพยายามเพื่อพ่อ แต่ผมขอเวลาทำอะไรเพื่อตัวผมเองบ้างนะครับ อ้อ! ถ้าเอ็นฯ ไม่ติด ก้อไม่ว่ากันนะครับ เพราะสุดฝีมือแล้ว แต่พ่อไม่ต้องห่วงอนาคตของผมหรอกครับ เพราะถึงผมจะเอ็นฯไม่ติด ผมได้เตรียมหนทางของผมไว้แล้ว รับรองไปได้สวยอย่างแน่นอนครับ
เพื่อนรักต่อหน้าทำดีกับเราแต่ลับหลังเผาเราไม่มีดี >> ไม่เป็นไร เราให้อภัย เพราะนายเคยทำดีกับเราไว้เยอะ เอาเป็นว่าถ้านายเลิกนิสัยนี้ได้เมื่อไหร่ เราทั้งสองคน ค่อยมาคบกันใหม่นะ สวัสดี
เกิดมาจนโธ่! คนอย่างเรา >> เกิดมาจน ก็ได้เปรียบน่ะสิ เพราะได้มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยลำแข้งของตัวเองจริงๆ ชีวิตจะแข็งแกร่งกว่าคนที่เกิดมาสบายๆ ตั้งแต่เด็ก ได้เปรียบแล้ว ยังมาทำบ่นอีก
ไม่รู้เป็นอะไรอยากได้โน่นได้นี่ตลอดเวลาแต่ไม่มีเงิน >> "อยากได้โน่นอยากได้นี่" มีแต่เสียเงินลูกเดียว อยากทำโน่นอยากทำนี่ ดีกว่า สนุกดี แฮปปี้ตลอดวัน แถมไม่ต้องเสียเงินสักบาท
คืนนี้ อยู่คนเดียวกลัวผีจัง >> นี่พวกผี ตอนนี้ฉันกำลังสวดนะโม ตัสสะฯ อยู่นะ เตือนไว้ก่อนว่าพระพุทธเจ้าท่านกำลังประทับอยู่ในใจฉัน ผีตัวไหนอย่าอุตริโผล่ขึ้นมาหลอกล่ะ บาปกรรมหัวแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงไม่รู้ด้วยนะเออ
กระเป๋ารถเมล์สายที่นั่งประจำพูดจาไม่สุภาพฟังแล้วไม่สบอารมณ์เลย >> น่าเห็นใจนะอาชีพนี้ นี่ถ้าฉันลองไปทำดูบ้าง ฉันก็คงจะเครียด และต้องแสดงอาการกริยาแบบนี้แหละ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)